มะเร็งช่องปาก (Oral Cancer) เป็นเนื้อร้ายที่เกิดและพัฒนาขึ้นในส่วนใดก็ตามที่อยู่ในช่องปาก โดยเซลล์มะเร็งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งที่บริเวณริมฝีปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม เพดานปาก หรือพื้นปาก ในกรณีที่พบได้น้อย เซลล์มะเร็งยังสามารถเกิดขึ้นได้ที่ทอนซิลด้านหลังช่องปาก ซึ่งเป็นต่อมผลิตน้ำลาย รวมถึงในบริเวณช่องคอที่เชื่อมต่อระหว่างปากกับหลอดลมหรือคอหอย ทั้งนี้มะเร็งช่องปากคือหนึ่งในกลุ่มมะเร็งในระบบศีรษะและลำคอ (Head and Neck Cancers) ซึ่งการรักษามะเร็งช่องปากอาจคล้ายกับการรักษามะเร็งชนิดอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกันนี้
อาการของมะเร็งช่องปาก
หากผู้ป่วยพบว่าในช่องปากบริเวณกระพุ้งแก้มหรือลิ้นมีปื้นสีขาวหรือแดงปรากฏขึ้นเป็นรอยอยู่นาน อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงระยะเริ่มต้นของโรคมะเร็งช่องปาก ดังนั้นหากพบอาการดังกล่าว ผู้ป่วยควรรีบตรวจหาสาเหตุของอาการ อย่างไรก็ตามอาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ในผู้ป่วยมะเร็งช่องปากนั้นประกอบด้วย
ภายในช่องปากปรากฏรอยสีขาวคล้ายกำมะหยี่ แดง หรือรอยด่างสีแดงขาว
ที่บริเวณริมฝีปาก เหงือก หรือส่วนอื่น ๆ ในช่องปาก เกิดอาการบวม มีตุ่ม ก้อนเนื้อ หรือมีแผลเกิดขึ้น
พบว่ามีเลือดไหลในช่องปากโดยไม่ทราบสาเหตุ
รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างติดอยู่ภายในลำคอ
พบว่าที่บริเวณใบหน้า ปาก หรือลำคอ มีอาการด้านชาไร้ความรู้สึก หรือมีอาการเจ็บปวดเกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีเลือดออกง่ายในช่องปาก อาการเหล่านี้ ไม่หายภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์
เกิดการเปลี่ยนแปลงของตัวฟัน การสบฟัน หรือการเคี้ยว
อาการเจ็บคอเรื้อรัง รวมทั้งเสียงเปลี่ยน และเสียงแหบ
เจ็บที่หู
มีปัญหาในการเคี้ยวหรือกลืนอาหาร รวมไปถึงการพูดคุยและการเคลื่อนไหวของกรามหรือลิ้น
น้ำหนักลดอย่างมาก
สาเหตุของมะเร็งช่องปาก
มะเร็งช่องปากเกิดขึ้นจากความผิดปกติของการพัฒนาเซลล์ในช่องปากจนเกิดการกลายพันธ์ุในระดับพันธุกรรม ซึ่งทั่วไปแล้วจะเริ่มต้นจากเซลล์ปกติชนิดสะความัส (Squamous Cells) ที่พบได้มากในช่องปากและริมฝีปาก กลายมาเป็นเซลล์มะเร็งสะความัสในที่สุด (Squamous Cell Carcinomas) การกลายพันธุ์ของเซลล์จนเกิดเป็นเซลล์มะเร็งนี้จะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเซลล์มะเร็งในช่องปากอาจกลายสภาพเป็นเนื้อร้ายและท้ายที่สุดก็แพร่กระจายสู่ส่วนอื่น ๆ เช่น บริเวณศีรษะ หรือลำคอ แม้ว่าการกลายพันธุ์ของเซลล์ดังกล่าวยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีสาเหตุเกิดขึ้นมาจากอะไร แต่พบว่ามีปัจจัยบางประการที่สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งช่องปากได้ ดังนี้
การสูบบุหรี่ ซิการ์ หรือไปป์ สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดเซลล์มะเร็งมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 6 เท่า
การบริโภคยาสูบผ่านการเคี้ยว การสูดดม หรือการจุ่ม อาจก่อให้เกิดการพัฒนาเซลล์มะเร็งที่บริเวณเหงือก แก้ม หรือริมฝีปาก มากถึง 50 เท่า
ในครอบครัวมีประวัติสมาชิกที่เคยเป็นมะเร็งมาก่อน
การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินควร พบว่าผู้ที่ดื่มมีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ 6 เท่า
การได้รับแสงอาทิตย์มากจนเกินไป โดยเฉพาะในวัยเด็ก
โรคติดเชื้อเอชพีวี (Human Papillomavirus) เป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งที่อวัยวะเพศชาย โดยเชื้อเอชพีวีมีด้วยกันหลากหลายชนิด สำหรับชนิดที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งศีรษะและลำคอมากที่สุด คือ เอชพีวี 16 ทั้งนี้เชื้อเอชพีวีสามารถติดต่อส่งผ่านกันด้วยการสัมผัสของบาดแผลกับบริเวณที่มีเชื้อ ตลอดจนการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางปาก ช่องคลอด และทวารหนัก
การวินิจฉัยมะเร็งช่องปาก
มะเร็งช่องปากสามารถวินิจฉัยได้ด้วยกาตรวจสุขภาพจากแพทย์ รวมถึงการพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ด้านศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกร ทั้งนี้กระบวนการทดสอบอาจทำได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
การวินิจฉัยโดยการตัดชิ้นเนื้อตรวจ
การตัดชิ้นเนื้อตรวจ (Biopsy) เป็นวิธีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อค้นหาเซลล์มะเร็งโดยการส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจดูสภาพของเซลล์ว่ามีการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งหรือไม่ และระบุประเภทชนิดความผิดปกติของเซลล์นั้น ๆ ด้วย สำหรับวิธีการตัดชิ้นเนื้อตรวจจะประกอบด้วย
โรคมะเร็งช่องปาก (Oral Cancer) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/