ขั้นตอนของการเข้ารับการจัดฟันเด็กการจัดฟันในเด็กมีความแตกต่างจากการจัดฟันในผู้ใหญ่ เพราะคำนึงถึงการเจริญเติบโตของขากรรไกรและการขึ้นของฟันแท้ร่วมด้วย ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 ระยะหลัก คือ การจัดฟันระยะที่ 1 (Interceptive Treatment) หรือการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ฟันน้ำนมหรือฟันผสม และ การจัดฟันระยะที่ 2 (Comprehensive Treatment) เมื่อฟันแท้ขึ้นครบแล้ว
นี่คือขั้นตอนโดยรวมของการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก:
ขั้นตอนที่ 1: การปรึกษาและตรวจประเมินเบื้องต้น (Initial Consultation and Evaluation)
พบทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทาง: ผู้ปกครองควรพาลูกไปพบทันตแพทย์จัดฟัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
ซักประวัติ: ทันตแพทย์จะสอบถามประวัติสุขภาพทั่วไป ประวัติสุขภาพช่องปากของเด็ก รวมถึงประวัติการสบฟันผิดปกติหรือการจัดฟันในครอบครัว
ตรวจสุขภาพช่องปากอย่างละเอียด: ตรวจดูสภาพฟัน (ฟันน้ำนม ฟันแท้ ฟันที่กำลังขึ้น) เหงือก ขากรรไกร การสบฟัน และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ถ่ายภาพรังสี (X-ray): มักจะมีการถ่ายภาพรังสีต่างๆ เช่น ภาพรังสีพานอรามิก (Panoramic X-ray) เพื่อดูการขึ้นของฟันแท้ที่ยังไม่ขึ้น ตำแหน่งของฟันกรามซี่ในสุด และโครงสร้างกระดูกขากรรไกร หรือภาพรังสีเซฟาโลเมตริก (Cephalometric X-ray) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบนและล่าง
พิมพ์ปาก (Impressions) / สแกนฟัน: เพื่อทำแบบจำลองฟันของเด็ก (อาจเป็นแบบปูนปลาสเตอร์ หรือแบบดิจิทัลจากการสแกน) สำหรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
ถ่ายภาพในช่องปากและใบหน้า: เพื่อบันทึกข้อมูลก่อนการรักษา
ขั้นตอนที่ 2: การวินิจฉัยและวางแผนการรักษา (Diagnosis and Treatment Planning)
วิเคราะห์ข้อมูล: ทันตแพทย์จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการตรวจประเมินมาวิเคราะห์อย่างละเอียด
แจ้งผลและอธิบายแผนการรักษา: ทันตแพทย์จะอธิบายปัญหาที่พบ แนวทางการรักษาทางเลือกต่างๆ (ถ้ามี) ระยะเวลาการรักษาโดยประมาณ ค่าใช้จ่าย และสิ่งที่ผู้ปกครองและเด็กต้องให้ความร่วมมือ
ตัดสินใจและเตรียมความพร้อม: ผู้ปกครองและเด็กจะร่วมกันตัดสินใจเลือกแผนการรักษา และทันตแพทย์จะให้คำแนะนำในการเตรียมช่องปาก เช่น การอุดฟันผุ การถอนฟันน้ำนมที่ขัดขวางการขึ้นของฟันแท้ (ถ้าจำเป็น) หรือการขูดหินปูน
ขั้นตอนที่ 3: การเตรียมช่องปาก (Pre-treatment Preparations)
เคลียร์ช่องปาก: หากมีฟันผุ หรือโรคเหงือก ทันตแพทย์จะแนะนำให้รักษาให้เรียบร้อยก่อนเริ่มติดเครื่องมือจัดฟัน
การถอนฟัน (ถ้าจำเป็น): ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องมีการถอนฟันน้ำนมบางซี่ หรือฟันแท้บางซี่ เพื่อสร้างพื้นที่ให้ฟันเรียงตัวได้สวยงาม หรือแก้ไขการสบฟัน
ขั้นตอนที่ 4: การติดเครื่องมือจัดฟัน (Appliance Placement)
ทำความสะอาดฟัน: ทันตแพทย์จะทำความสะอาดผิวฟันให้สะอาดก่อนติดเครื่องมือ
ติดเครื่องมือ: ทันตแพทย์จะทำการติดเครื่องมือจัดฟันตามที่ตกลงไว้ ซึ่งอาจเป็น:
เครื่องมือแบบถอดได้: เช่น เครื่องมือขยายขากรรไกรแบบถอดได้ (Removable Palatal Expander), รีเทนเนอร์แบบคงที่, หรือเครื่องมืออื่นๆ
เครื่องมือแบบติดแน่น: เช่น เครื่องมือขยายขากรรไกรแบบติดแน่น (Fixed Palatal Expander), บางครั้งอาจมีการติดแบร็กเก็ต (Brackets) และใส่ลวดจัดฟันเพียงบางส่วน (Partial Braces) ในการจัดฟันระยะที่ 1
จัดฟันใส (Clear Aligners): ในบางกรณีและสำหรับปัญหาที่ไม่ซับซ้อนนัก อาจมีการใช้จัดฟันใสในเด็กโต
แนะนำการดูแล: ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับการดูแลเครื่องมือจัดฟัน การทำความสะอาดช่องปาก และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
ขั้นตอนที่ 5: การปรับเครื่องมือและติดตามผล (Adjustments and Progress Monitoring)
นัดหมายเป็นประจำ: เด็กจะต้องมาพบทันตแพทย์เป็นประจำตามนัด (โดยทั่วไปทุก 4-8 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องมือและแผนการรักษา) เพื่อปรับเครื่องมือ เปลี่ยนลวด หรือยางโอริง เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
สังเกตการณ์: ในช่วงที่ฟันแท้กำลังขึ้น ทันตแพทย์อาจนัดมาตรวจเช็กเป็นระยะๆ เพื่อดูการเจริญเติบโตและการขึ้นของฟัน
ขั้นตอนที่ 6: การถอดเครื่องมือและใส่รีเทนเนอร์ (Appliance Removal and Retention)
ถอดเครื่องมือ: เมื่อฟันเข้าที่ตามแผนการรักษาแล้ว ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟันออก
พิมพ์ปากทำรีเทนเนอร์: หลังถอดเครื่องมือ จะมีการพิมพ์ปากเพื่อทำ รีเทนเนอร์ (Retainer) ซึ่งเป็นเครื่องมือคงสภาพฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม
ใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอ: ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพื่อรักษาสภาพฟันที่จัดไว้ เด็กจะต้องใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ซึ่งอาจเป็นแบบถอดได้หรือแบบติดแน่น
ขั้นตอนที่ 7: การติดตามผลระยะยาว (Long-term Follow-up)
นัดตรวจเช็กเป็นระยะ: แม้จะถอดเครื่องมือและใส่รีเทนเนอร์แล้ว ก็ยังคงต้องมาพบทันตแพทย์เป็นระยะๆ เพื่อติดตามผลการรักษาและสุขภาพช่องปากในระยะยาว
ข้อควรทราบเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็ก:
ช่วงอายุที่เหมาะสม: สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งอเมริกาแนะนำให้เด็กได้รับการตรวจประเมินการจัดฟันครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 7 ขวบ เนื่องจากเป็นช่วงที่เริ่มมีฟันแท้ขึ้นปนกับฟันน้ำนม ทำให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาบางอย่างได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
การจัดฟันระยะที่ 1 (Phase 1): เน้นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างขากรรไกร หรือปัญหาการสบฟันที่รุนแรงในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหารุนแรงขึ้นในอนาคต และอาจช่วยลดความซับซ้อนหรือระยะเวลาในการจัดฟันระยะที่ 2
ความร่วมมือของเด็กและผู้ปกครอง: เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการจัดฟันในเด็ก ผู้ปกครองต้องช่วยกระตุ้นให้เด็กปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องการดูแลความสะอาดและการใส่เครื่องมือแบบถอดได้
ระยะเวลา: แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา โดยเฉลี่ยอาจใช้เวลา 1-3 ปีในแต่ละระยะของการรักษา
หากมีข้อสงสัยหรือกังวล ควรปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทาง เพื่อประเมินสภาพฟันของเด็กและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดค่ะ