โรคปอดอักเสบ อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง?โรคปอดอักเสบ หรือที่หลายคนเรียกว่า ปอดบวม (Pneumonia) เป็นภาวะที่มีการอักเสบและติดเชื้อในเนื้อเยื่อปอดและถุงลม ทำให้ถุงลมเต็มไปด้วยหนองและของเหลว ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
อาการของโรคปอดอักเสบ (Pneumonia Symptoms)
อาการของโรคปอดอักเสบอาจมีความรุนแรงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรค อายุ และสุขภาพพื้นฐานของผู้ป่วย แต่โดยทั่วไปจะมีอาการหลัก ๆ ดังนี้:
1. อาการเด่นชัดที่ระบบทางเดินหายใจ
ไอมีเสมหะ: เป็นอาการที่พบบ่อย เสมหะอาจมีสีเหลือง สีเขียวขุ่น หรือบางครั้งอาจมี เลือดปน
หายใจลำบาก/เหนื่อยหอบ: หายใจเร็ว หายใจถี่ หรือรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด แม้ขณะพักผ่อนหรือทำกิจกรรมเบา ๆ
เจ็บหน้าอก: รู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ ที่หน้าอก โดยเฉพาะเมื่อหายใจเข้าลึก ๆ หรือไอแรง ๆ
2. อาการทั่วไปของร่างกาย
มีไข้สูง หนาวสั่น: มักมีไข้สูงและมีอาการเหงื่อออกมาก หรือรู้สึกหนาวสั่นอย่างรุนแรง
อ่อนเพลียมาก: รู้สึกเหนื่อยล้า หมดแรง หรือเมื่อยล้าตามตัว
คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย: บางรายอาจมีอาการทางระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย
อาการในผู้สูงอายุ: อาจมีอาการแสดงออกไม่ชัดเจน แต่อาจมีอาการ ซึมลง สับสน หรืออุณหภูมิร่างกายลดลงต่ำกว่าปกติ
การป้องกันโรคปอดอักเสบ
การป้องกันโรคปอดอักเสบเน้นไปที่การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และการลดโอกาสในการรับเชื้อโรค ซึ่งทำได้หลายวิธีดังนี้:
1. การฉีดวัคซีน (วิธีที่มีประสิทธิภาพสูง)
การฉีดวัคซีนเป็นวิธีหลักในการป้องกันปอดอักเสบจากเชื้อที่พบบ่อย โดยเฉพาะเชื้อ นิวโมคอคคัส (Pneumococcal) และไข้หวัดใหญ่:
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine): แนะนำให้ฉีดเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มักเป็นสาเหตุที่ทำให้ปอดอ่อนแอและติดเชื้อปอดอักเสบซ้ำซ้อนได้ง่าย
วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ (Pneumococcal Vaccine): มีหลายชนิด เช่น PCV (ป้องกันได้หลายสายพันธุ์) และ PPSV23 แพทย์จะแนะนำชนิดที่เหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง:
ผู้สูงอายุ (ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป)
ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ตับ ไต
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือสูบบุหรี่จัด
2. การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
ล้างมือบ่อย ๆ: ด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะหลังไอ จาม และก่อนรับประทานอาหาร
หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ: สวม หน้ากากอนามัย เมื่อต้องอยู่ในที่แออัด หรือบริเวณที่มีมลภาวะสูง รวมถึงหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น: เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
3. การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยง
เลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง: การสูบบุหรี่ทำลายกลไกป้องกันการติดเชื้อของปอดโดยตรง
รักษาโรคประจำตัวให้ดี: ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน และรักษาโรคหัวใจ/ปอดเรื้อรัง เพื่อไม่ให้อาการกำเริบจนปอดอ่อนแอ
พักผ่อนให้เพียงพอ: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
หากคุณมีอาการคล้ายปอดอักเสบ โดยเฉพาะอาการไอมีเสมหะร่วมกับไข้สูงและเหนื่อยหอบ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัสอย่างรวดเร็วจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้